เป้ แนะแนว

เป้ แนะแนว

เป้ แนะแนวจบปริญญาตรีจากคณะบัญชี จุฬาฯ มีประสบการณ์ทำงานด้านไอทีออดิทมากว่าสิบปีในบริษัทบิ๊กโฟร์อย่าง KPMG กับ Deloitte จนเป็น Certified Information Systems Auditor (CISA) เคยเป็นทหารเกณฑ์ ปัจจุบันเป็นเน็ตไอดอลช่องติ๊กต่อกเป้ แนะแนวการศึกษาและอาชีพ และเจ้าของเพจรีวิวซีรีส์เกาหลีอย่าง Netflix Addict

5 สาขาสุดปังของคณะบริหารธุรกิจ เลือกอันไหนดี?

น้องๆหลายคนชอบมาถามผมว่าอยากเรียนคณะบริหาร แต่เลือกสาขาไม่ถูก มันมีเยอะแยะไปหมด ผมเลยต้องอธิบายรายละเอียดของแต่ละสาขาตามนี้ 1. ผู้ประกอบการ 2. ธนาคารและการเงิน 3. การตลาด 4. โลจิสติกส์ระหว่างประเทศ 5. บริหารสารสนเทศทางธุรกิจ บอกได้เลยว่าทั้ง 5 สาขาสามารถเรียนได้หมด แล้วแต่เราชอบเลย สั่งซื้ออีบุ๊คได้ที่นี่

7 วิธีสังเกตธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่แฝงมากับธุรกิจขายตรง

หลังจากที่มีคนออกมาแฉธุรกิจที่ใช้วิธีจูงใจให้คนอยากรวยเร็ว จนจับดาราที่เกี่ยวข้องเข้าคุกไปแล้ว มันทำให้ผมนึกถึงคดีดังในอดีตอย่างแชร์แม่ชม้อยที่หลอกคนมาลงทุนธุรกิจรถขนน้ำมัน คดีนี้มีความเสียหายมากกว่า4พันล้านบาทเลยทีเดียว ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่แฝงมากับการขายตรงมักจะดูซับซ้อนและใช้กลยุทธ์หลากหลายเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ ทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อ รู้ตัวอีกทีก็เผลอไปลงทุนจนหมดตัว แล้วเราจะแยกแยะธุรกิจที่แท้จริงออกจากแชร์ลูกโซ่ได้ยังไง มาดูวิธีสังเกตหลัก ๆ ดังนี้ 1. เน้นรับสมัครสมาชิกมากกว่าการขายสินค้า ธุรกิจที่เป็นแชร์ลูกโซ่จะเน้นไปที่การชักชวนคนเข้าร่วมเพื่อสร้างเครือข่ายสมาชิก โดยมีรายได้หลักมาจากค่าธรรมเนียมการเข้าร่วมของสมาชิกใหม่มากกว่าการขายสินค้าหรือบริการจริง หากธุรกิจนั้นให้ผลตอบแทนสูงเมื่อเราหาคนมาสมัคร แต่ไม่สนใจยอดขายสินค้าจริง อาจเป็นสัญญาณของแชร์ลูกโซ่ 2. สัญญาว่าจะได้ผลตอบแทนสูงภายในระยะเวลาสั้น ๆ โฆษณาที่รับรองว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงอย่างรวดเร็ว เช่น ผลตอบแทน30%ต่อเดือน เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่ ธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายมักจะมีอัตราผลตอบแทนที่เป็นไปตามตลาดและต้องการความอดทนในการทำกำไร เช่น ผลตอบแทนประมาณ5-7%ต่อปี 3. ค่าธรรมเนียมการเข้าร่วมสูงเกินไป หากต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการสมัครเข้าร่วมสูงมาก หรือมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ซึ่งไม่สอดคล้องกับมูลค่าของสินค้าและบริการ ก็อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งของแชร์ลูกโซ่ ธุรกิจขายตรงที่แท้จริงควรมีค่าสมัครสมาชิกในอัตราที่เหมาะสมและไม่มีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น 4. สินค้าหรือบริการไม่มีคุณภาพหรือมีราคาแพงเกินจริง แชร์ลูกโซ่บางแห่งใช้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือกำหนดราคาสินค้าสูงเกินไป…

การค้นหาแพชชันสำหรับผู้ประกอบการสายบัญชี

ว่ากันว่าคนเราต้องทำงานตลอดชีวิต หมายความว่าถ้าเราเรียนจบมหาลัยตอนอายุ21 เราอาจต้องทำงานไปถึงอายุ55เป็นอย่างต่ำถึงจะเริ่มเกษียณ ซึ่งระยะเวลาทำงานที่ยาวนานถึง34ปีนี้ถ้าเราเกิดไปทำงานที่เราไม่ชอบ เราก็จะรู้สึกเหมือนตกนรกทั้งเป็น หลังจากเป็นผู้ประกอบการสายบัญชีมาสักพัก ผมเจอทั้งอาชีพที่ผมไม่ชอบ หรือรู้สึกเฉยๆ รวมถึงอาชีพที่ผมรู้สึกชอบด้วย การค้นหาแพชชันสำคัญมากต่อความสำเร็จและความพึงพอใจในอาชีพในระยะยาว และนี่คือแนวทางที่จะช่วยให้เราค้นพบสิ่งที่เราหลงใหลได้: 2. พัฒนาความเชี่ยวชาญเฉพาะทาง 3. มองหาโอกาสสร้างนวัตกรรม 4. สร้างเครือข่าย 5. มุ่งเน้นการสร้างผลกระทบ 6. ทดลองรูปแบบธุรกิจใหม่ๆ 7. ให้ความสำคัญกับการเรียนรู้ตลอดชีวิต การค้นหาแพชชันเป็นกระบวนการต่อเนื่อง อย่ากลัวที่จะทดลองและปรับเปลี่ยนเส้นทางอาชีพของเรา เมื่อเราค้นพบสิ่งที่เรารักจริงๆ เราจะพบว่าการทำงานไม่ใช่เพียงแค่อาชีพ แต่เป็นการเดินทางที่น่าตื่นเต้นและให้ความพึงพอใจกับเราด้วย สั่งซื้ออีบุ๊คได้ที่นี่

2บทเรียนสำคัญจากการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่อง

จู่ๆ เมื่อ3วันก่อนก็เกิดเหตุการณ์ที่เว็บไซต์ของผม มีอาการโหลดเข้าหน้าเว็บช้าในระดับที่ต้องรอนานถึง15วินาทีในการโหลดเสร็จ ทั้งๆที่ตามปกติใช้เวลาโหลดหน้าเว็บแค่5วินาทีเท่านั้น ผมจึงติดต่อไปที่ Web Hosting หรือผู้ให้บริการเช่าพื้นที่เว็บไซต์ทันที เจ้าหน้าที่บอกว่าเว็บไซต์ของผมตั้งอยู่บนเซิฟเวอร์เดียวกันกับอีกเว็บไซต์นึงที่มี Traffic เยอะมาก ทำให้เกิดอาการหน่วงที่ว่านี้ ผมเพิ่งรู้ว่าปกติมันต้องแชร์โหลด traffic กันด้วย สุดท้ายเจ้าหน้าที่เสนอว่าจะบริการย้ายเซิฟเวอร์ให้ฟรี จะได้ไม่มีปัญหา หลังจากนั้น ผมจึงตั้งคำถามว่าถ้ามันเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้นอีกล่ะในอนาคต เราต้องมานั่งย้ายเซิฟเวอร์กันเรื่อยๆแบบนี้อีกเหรอ มันควรเป็นหน้าที่ของ Web Hosting ในการ monitor traffic พวกนี้ไม่ใช่เหรอ ทำไมต้องให้ user มาเป็นคนคอยมอนิเตอร์แล้วแจ้งปัญหาเองด้วย งงมาก ผมที่จบบัญชีมา และไม่มี background ความรู้เรื่องเครือข่ายคอมพิวเตอร์ในเชิงลึกเลย แต่กลับได้ความรู้เหล่านี้จากการพัฒนาตัวเองอย่างต่อเนื่องไม่มีที่สิ้นสุด ผมสร้างเว็บเอง จดโดเมนเอง เช่า Host…

เจาะลึกตารางการทำงานสุดหินของออดิทบิ๊กโฟร์

ว่ากันว่าอาชีพออดิทในบริษัทบิ๊กโฟร์เป็นอาชีพที่งานหนักมาก ช่วงหน้างบต้องกลับบ้านตี2เกือบทุกวัน แถมมีบางวันต้องโต้รุ่งด้วย แต่มันแลกมาด้วยเงินเดือนเด็กจบใหม่ที่สูงถึง 34,000+- บางคนอาจจะบอกว่าคุ้มค่าเพราะวางแผนจะทำงานในบริษัทแค่3ปี พอเก็บชม.สอบบัญชีได้ครบ3,000ชม. ก็รีบลาออกได้เลย ไปสอบ CPA เอาดาบหน้า ใครจะไปทน 555 ความโหดหินของอาชีพนี้เป็นไปตามตารางงานที่ซ้ำซากเป็นประจำทุกปีตามด้านล่าง เดือน กิจกรรม รายละเอียด สิงหาคม-กันยายน ตรวจ Interim ประเมินความเสี่ยง/ Test of controls สุ่มเอกสารมาตรวจ ตุลาคม ตรวจงบ Q3/Year End ของบริษัทที่ปิดงบเดือนกันยายน พฤศจิกายน-ธันวาคม เก็บตก Interim/ Hard Close Test of controls เพิ่ม/ สุ่มเอกสารมาตรวจเพิ่ม3เดือน…

6สิ่งที่ทำให้ออดิทมือใหม่กังวลใจมากที่สุด

ตลอด10กว่าปีที่ผมทำงานเป็นออดิท ทั้งในสายผู้สอบบัญชี ไอทีออดิท และผู้ตรวจสอบภายใน ผมมีโอกาสได้ทำงานกับน้องฝึกงานหรือน้องออดิทจบใหม่ตลอดเวลา ทำให้ผมเห็นอะไรหลายๆอย่างในเนื้องาน น้องๆออดิทมือใหม่ที่เริ่มงานในปีแรกมักจะรู้สึกท้าทายและแฝงไปด้วยความกังวลใจบางอย่าง ความรู้สึกนึ้ถือเป็นเรื่องปกติเพราะผมก็เคยรู้สึกแบบนี้ในการทำงานช่วงปีแรกๆ นี่คือ6สิ่งที่มักจะทำให้น้องออดิทมือใหม่กังวลใจมากที่สุด: 1. การจัดการเวลาที่มีประสิทธิภาพ ออดิทมือใหม่มักต้องเผชิญกับการทำงานหลายหน้าที่พร้อมกัน ไม่ว่าจะเป็นการจัดข้อมูลใน Excel, การรวบรวมเอกสาร, การ Vouching และการตามเอกสารลูกค้า การจัดการเวลาอย่างมีประสิทธิภาพเป็นสิ่งสำคัญในการป้องกันไม่ให้เกิดการทำงานล่าช้าจนเลยเดดไลน์ การขาดประสบการณ์ในการจัดลำดับความสำคัญของงานอาจทำให้รู้สึกกดดันและเครียดได้ 2. ความรู้ที่ไม่เพียงพอ การขาดความรู้เฉพาะทางหรือประสบการณ์ในการทำงานจริงอาจทำให้ออดิทมือใหม่กังวลใจ แม้จะได้รับการอบรมในห้องเทรนมาแล้วก่อนออกจ็อบ แต่พอได้ทำงานจริง การเข้าใจและประยุกต์ใช้มาตรฐานทางการเงินและกฎระเบียบที่ซับซ้อนเป็นเรื่องที่ท้าทาย การกลัวว่าจะทำผิดพลาดในการตรวจสอบข้อมูลหรือกลัวว่าจะให้คำปรึกษาลูกค้าไปแบบผิดๆ เป็นสิ่งที่พบบ่อย ลูกค้าบางคนชอบหยอกน้องจบใหม่ด้วยการถามคำถามยากๆ พอน้องใหม่ตอบไม่ได้ ก็ควรจะตอบไปว่า ‘อันนี้ไม่ทราบจริงๆค่ะ เดี๋ยวหนูจะรีบไปหาคำตอบมาให้ค่ะ’ แล้วค่อยไปค้นคว้าเพิ่มเติมเองหรือไปถามพี่อินชาจต่อไป 3. ความกดดันจากลูกค้าและหัวหน้างาน ออดิทมือใหม่ต้องรับมือกับความคาดหวังที่สูงจากทั้งลูกค้าและหัวหน้างาน ไม่ว่าจะเป็นการทำงานให้เสร็จตรงเวลา และการแก้ไข Review…

เทคนิคการสร้าง Passive Income 16 แบบ

Passive Income หรือการมีรายได้แบบไม่ต้องทำงานประจำ เป็นวิธีสร้างรายได้ที่ส่วนใหญ่เป็นการทำงานรอบเดียวแล้วได้ผลตอบแทนจากมันแบบทบต้นไปเรื่อยๆ จนมีอิสรภาพทางการเงินในที่สุด การมี Passive Income พร้อมๆกันหลายช่องทางจะช่วยให้เราบรรลุเป้าหมายได้ไวขึ้น ในโลกนี้มีหลายประเภทของ Passive Income ซึ่งสามารถแบ่งออกเป็นกลุ่มใหญ่ๆ ได้ดังนี้: สำหรับการลงทุนชนิดนี้ เราจำเป็นต้องมีความรู้ในสินทรัพย์แต่ละประเภท เนื่องจากความเสี่ยงของสินทรัพย์แต่ละประเภทไม่เท่ากัน รวมถึงความรู้ในการจัดพอร์ตการลงทุน การเลือกหุ้นพื้นฐานดี รายได้โต กำไรโตต่อเนื่อง มีปันผลสม่ำเสมอ ถือเป็นทางเลือกที่ฉลาด แต่คนที่มีความรู้ถึงขั้นเลือกหุ้นเป็น แล้วถือยาวและไม่เจ๊งในระยะยาว มีเพียงแค่ส่วนน้อยเท่านั้น การที่เราจะเป็นคนส่วนน้อยได้ เราต้องอ่านหรือเสพคอนเทนต์เกี่ยวกับการลงทุนให้เยอะๆ จนกลายเป็นเรื่องธรรมดา แล้วลองผิดลองถูกด้วยเงินจำนวนน้อยๆก่อน จนกว่าจะจับทางได้ แล้วค่อยลงเงินก้อนใหญ่ในที่สุด ตัวอย่าง การลงทุนอสังหา นอกจากจะต้องมีทุนแล้ว เราต้องมีความรู้พื้นฐานในการเลือกทำเล เช่น เดินทางสะดวก หรือใกล้รถไฟฟ้า ถ้าจะปล่อยเช่า…

สรุปเงินหมื่นดิจิทัลล่าสุด ใครได้ก่อนบ้าง และได้เท่าไหร่?

หลังจากรัฐบาลแถลงนโยบายเงินหมื่นดิจิทัลในปีก่อนสมัยนายกเศรษฐา ผมจำได้ว่านโยบายดูสวยหรู เพราะบอกว่าจะมีการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนเข้ามาช่วย แต่พอ1ปีผ่านไป สถานการณ์ตอนนี้เหมือนหนังคนละม้วน เพราะหลังจากนายกเศรษฐาพ้นจากตำแหน่งนายก แล้วนายกอุ๊งอิ๊งขึ้นแทน นโยบายเงินหมื่นดิจิทัลก็กลายเป็นนโยบายแจกเงินสด1หมื่นบาทแทน ส่วนเงินดิจิทัลกลับกลายเป็นแค่กิมมิคหรือนโยบายที่ทำให้ดูสวยหรูเท่านั้น เนื่องจากระบบหลังบ้านยังไม่เสร็จจึงยังมีความไม่แน่นอนอยู่ อาจทำให้รัฐบาลต้องแจกประชาชนทั่วไปส่วนนึงเป็นเงินสดแทน สวนทางกับคำพูดของอดีตนายกทักษิณบนเวที Vision for Thailand 2024 ในเดือนที่ผ่านมา ที่บอกว่าเงินดิจิทัลจะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจได้ตรงจุดมากกว่า แต่พอตอนแจกเงินจริงกลับมีสัดส่วนของเงินดิจิทัลเพียงน้อยนิด ผมนึกแล้วได้แต่ขำหึๆ รวมถึงความชัดเจนในการลงทะเบียนผ่านแอปทางรัฐก็ไม่ค่อยมี พูดกลับไปกลับมา สุดท้ายก็เลื่อนวันแจกเงินให้กลุ่มเปราะบางอีกจนได้จากวันที่20ก.ย.เป็นวันที่25ก.ย.นี้ จนได้ข้อสรุปตามภาพนี้ ข้อแรก คนที่ถือบัตรคนจนหรือบัตรคนพิการ ไม่ต้องลงทะเบียนดิจิทัลวอลเลท และจะได้รับเงินสด1หมื่นบาทเข้าบัญชีในวันที่25ก.ย.นี้ ผ่านพร้อมเพย์ที่ผูกด้วยเลขบัตรประชาชน แต่สิ่งที่ผู้ถือบัตรคนจนต้องเช็คคือ ถ้าใครได้บัตรคนจนมาตั้งแต่2ปีก่อนแต่ยังไม่ได้ไปยืนตัวตนตนที่ธนาคารกรุงไทย ให้รีบไปจัดการทันที ไม่งั้นจะไม่ได้รับเงิน1หมื่นบาทตรงนี้ ในขณะที่ผู้ถือบัตรคนพิการก็ต้องเช็คด้วยว่าบัตรของตัวเองหมดอายุหรือยัง ตามปกติบัตรคนพิการจะมีอายุ8ปี ถ้าหมดอายุแล้วให้รีบไปทำบัตรใหม่ ไม่งั้นจะไม่ได้รับเงินหมื่นนี้เช่นกัน ข้อ2 สำหรับประชาชนทั่วไป ยังไม่มีความแน่นอน…

สมัครงานออดิทบริษัท Big 4 ควรสมัครช่วงไหนของปี?

เมื่อวานมีน้องคนนึงมาถามผมในไลฟ์สดว่า เค้าจะสมัครงานกับบริษัท Big4 ควรสมัครตอนไหนดี ตามปกติแล้วบริษัท Big 4 คือ Deloitte, EY, KPMG และ PwC มีช่วงเวลาการรับสมัครงานที่ใกล้เคียงกัน แต่อาจต่างกันเพียงเล็กน้อย โดยทั่วไป กระบวนการรับสมัครมักเป็นไปตามรอบปีการศึกษาของเด็กจบใหม่ และปีงบประมาณของบริษัท เราควรไปกดติดตามเฟสบุ๊คเพจและไอจีของบริษัท Big 4 ทั้ง4ที่ เพราะบริษัทมักจะโพสต์เกี่ยวกับกิจกรรมโรดโชว์เพื่อรับสมัครงานหรือฝึกงานผ่านทางช่องทางนี้แบบเรียลไทม์ บริษัท ช่วงเดือนที่จัดโรดโชว์ มหาวิทยาลัยที่จัดปี2024 มีการจัดโรดโชว์แบบออนไลน์ Deloitte สิงหาคม-กันยายน จุฬาฯ มธ. ไม่มีข้อมูล EY สิงหาคม-กันยายน จุฬาฯ มธ. มก.และม.ศรีนครินทรวิโรฒ มีสำหรับมช.และ Public/ ผ่าน…

วิธีเลือกสำนักงานบัญชีเข้าทำงานเพื่อความก้าวหน้าในชีวิต

วันนี้มีน้องคนนึงมาถามผมเรื่องวิธีเลือกสำนักงานบัญชีเพื่อเข้าทำงาน น้องเค้าอยากจะก้าวหน้าไวๆ แล้วถ้าเราเลือกสำนักงานบัญชีผิด มันจะทำให้ชีวิตเราเปลี่ยนจริงมั้ย? ผมต้องตอบเลยว่าจริง ถ้าเราเป็นเด็กจบใหม่และเริ่มงานกับบริษัทบิ๊กโฟร์ทันที เงินเดือนสตาร์ทในปีแรกคือ 34,000บาท+- หมายความว่า เราจะมีเงินเดือนหลักแสนโดยประมาณในปีที่8 ของการทำงาน ถ้า performance อยู่ในระดับค่าเฉลี่ย กลุ่มคนที่เหมาะกับบิ๊กโฟร์คือ คนที่มีผลการเรียนที่ดีในระดับเกรดเฉลี่ย3.25ขึ้นไปในปีแรกที่เรียนจบมา รวมถึงภาษาอังกฤษดีในระดับคะแนน TOEIC 650 ขึ้นไป ในขณะที่ถ้าเราเป็นเด็กจบใหม่แต่ไปเริ่มงานที่บริษัท Mid-tier firm อย่าง Grant Thornton, BDO, Baker Tilly และ RSM ที่ได้เงินเดือนสตาร์ทในปีแรกคือ 30,000บาท+- ถ้าเราไม่ย้ายบริษัทเลย เราจะได้เงินเดือนหลักแสนในปีที่10 ของการทำงานโดยประมาณ กลุ่มคนที่เหมาะกับ Mid-tier firm คือคนที่อกหักจากบิ๊กโฟร์แต่ภาษาอังกฤษดี…