หลังจากที่มีคนออกมาแฉธุรกิจที่ใช้วิธีจูงใจให้คนอยากรวยเร็ว จนจับดาราที่เกี่ยวข้องเข้าคุกไปแล้ว มันทำให้ผมนึกถึงคดีดังในอดีตอย่างแชร์แม่ชม้อยที่หลอกคนมาลงทุนธุรกิจรถขนน้ำมัน คดีนี้มีความเสียหายมากกว่า4พันล้านบาทเลยทีเดียว
ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่แฝงมากับการขายตรงมักจะดูซับซ้อนและใช้กลยุทธ์หลากหลายเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ ทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อ รู้ตัวอีกทีก็เผลอไปลงทุนจนหมดตัว แล้วเราจะแยกแยะธุรกิจที่แท้จริงออกจากแชร์ลูกโซ่ได้ยังไง มาดูวิธีสังเกตหลัก ๆ ดังนี้
1. เน้นรับสมัครสมาชิกมากกว่าการขายสินค้า
ธุรกิจที่เป็นแชร์ลูกโซ่จะเน้นไปที่การชักชวนคนเข้าร่วมเพื่อสร้างเครือข่ายสมาชิก โดยมีรายได้หลักมาจากค่าธรรมเนียมการเข้าร่วมของสมาชิกใหม่มากกว่าการขายสินค้าหรือบริการจริง หากธุรกิจนั้นให้ผลตอบแทนสูงเมื่อเราหาคนมาสมัคร แต่ไม่สนใจยอดขายสินค้าจริง อาจเป็นสัญญาณของแชร์ลูกโซ่
2. สัญญาว่าจะได้ผลตอบแทนสูงภายในระยะเวลาสั้น ๆ
โฆษณาที่รับรองว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงอย่างรวดเร็ว เช่น ผลตอบแทน30%ต่อเดือน เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่ ธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายมักจะมีอัตราผลตอบแทนที่เป็นไปตามตลาดและต้องการความอดทนในการทำกำไร เช่น ผลตอบแทนประมาณ5-7%ต่อปี
3. ค่าธรรมเนียมการเข้าร่วมสูงเกินไป
หากต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการสมัครเข้าร่วมสูงมาก หรือมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ซึ่งไม่สอดคล้องกับมูลค่าของสินค้าและบริการ ก็อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งของแชร์ลูกโซ่ ธุรกิจขายตรงที่แท้จริงควรมีค่าสมัครสมาชิกในอัตราที่เหมาะสมและไม่มีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
4. สินค้าหรือบริการไม่มีคุณภาพหรือมีราคาแพงเกินจริง
แชร์ลูกโซ่บางแห่งใช้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือกำหนดราคาสินค้าสูงเกินไป เพื่อบีบให้สมาชิกขายได้ยาก และใช้วิธีการเน้นหาสมาชิกเพิ่มแทน หากสินค้าหรือบริการที่นำเสนอไม่มีประโยชน์ชัดเจน หรือมีราคาที่ไม่สมเหตุสมผล ควรตั้งข้อสงสัย
5. การขาดแผนธุรกิจที่ชัดเจน
ธุรกิจขายตรงที่ถูกต้องตามกฎหมายมักจะมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนและโปร่งใส ขณะที่แชร์ลูกโซ่มักจะไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือแผนการตลาดที่เข้าใจได้ง่าย และมักจะหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับบริษัทหรือผู้บริหาร
6. ใช้แรงกดดันในการตัดสินใจเข้าร่วม
แชร์ลูกโซ่มักจะใช้วิธีการกดดันให้ผู้ที่สนใจต้องรีบตัดสินใจ โดยอ้างว่าถ้าตัดสินใจช้าจะเสียโอกาสหรือไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งเป็นการหลอกล่อให้ตกหลุมพรางโดยไม่มีเวลาคิดทบทวน
7. อ้างอิงถึงบุคคลหรือข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ
แชร์ลูกโซ่บางแห่งจะใช้ข้อมูลหรือบุคคลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เช่น การกล่าวอ้างว่าผู้มีชื่อเสียงหรือนักลงทุนที่มีชื่อเสียงร่วมลงทุนด้วย แต่เมื่อสืบค้นดูแล้วกลับพบว่าข้อมูลนั้นเป็นเท็จ หรือบุคคลที่กล่าวถึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นจริง ๆ หรืออาจมีดาราไปร่วมลงทุนจริง แต่ดาราคนนั้นถูกหลอกมาอีกที หรือดาราคนนั้นอาจเป็นตัวตั้งตัวตีในการหลอกเองเลยก็ได้
วิธีป้องกันตนเองจากแชร์ลูกโซ่
- ตรวจสอบใบอนุญาต: ธุรกิจขายตรงในประเทศไทยต้องจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หากธุรกิจนั้นไม่มีใบอนุญาต ควรหลีกเลี่ยง
- ศึกษาให้ละเอียด: ควรศึกษาข้อมูลของธุรกิจอย่างรอบคอบ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ และไม่ควรรีบตัดสินใจจากคำชักชวน
- อย่าเชื่อในผลตอบแทนสูงในระยะสั้น: ธุรกิจที่โปร่งใสจะไม่สัญญาผลตอบแทนที่สูงและรวดเร็ว
- ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนหรือสอบถามความคิดเห็นจากคนใกล้ชิด
การรู้วิธีสังเกตธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่แฝงมากับการขายตรงจะช่วยให้เราปลอดภัยจากการถูกหลอกลวงและสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีสติ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีความรู้และทักษะในการป้องกันตัวจากกลโกงในวงการธุรกิจ
สั่งซื้ออีบุ๊คได้ที่ https://peyconsulting.com/shop/