7 วิธีสังเกตธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่แฝงมากับธุรกิจขายตรง

ธุรกิจแชร์ลูกโซ่

หลังจากที่มีคนออกมาแฉธุรกิจที่ใช้วิธีจูงใจให้คนอยากรวยเร็ว จนจับดาราที่เกี่ยวข้องเข้าคุกไปแล้ว มันทำให้ผมนึกถึงคดีดังในอดีตอย่างแชร์แม่ชม้อยที่หลอกคนมาลงทุนธุรกิจรถขนน้ำมัน คดีนี้มีความเสียหายมากกว่า4พันล้านบาทเลยทีเดียว

ธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่แฝงมากับการขายตรงมักจะดูซับซ้อนและใช้กลยุทธ์หลากหลายเพื่อให้ดูน่าเชื่อถือ ทำให้หลายคนตกเป็นเหยื่อ รู้ตัวอีกทีก็เผลอไปลงทุนจนหมดตัว แล้วเราจะแยกแยะธุรกิจที่แท้จริงออกจากแชร์ลูกโซ่ได้ยังไง มาดูวิธีสังเกตหลัก ๆ ดังนี้

1. เน้นรับสมัครสมาชิกมากกว่าการขายสินค้า

ธุรกิจที่เป็นแชร์ลูกโซ่จะเน้นไปที่การชักชวนคนเข้าร่วมเพื่อสร้างเครือข่ายสมาชิก โดยมีรายได้หลักมาจากค่าธรรมเนียมการเข้าร่วมของสมาชิกใหม่มากกว่าการขายสินค้าหรือบริการจริง หากธุรกิจนั้นให้ผลตอบแทนสูงเมื่อเราหาคนมาสมัคร แต่ไม่สนใจยอดขายสินค้าจริง อาจเป็นสัญญาณของแชร์ลูกโซ่

2. สัญญาว่าจะได้ผลตอบแทนสูงภายในระยะเวลาสั้น ๆ

โฆษณาที่รับรองว่าจะได้รับผลตอบแทนสูงอย่างรวดเร็ว เช่น ผลตอบแทน30%ต่อเดือน เป็นสัญญาณที่บ่งบอกว่าอาจเป็นแชร์ลูกโซ่ ธุรกิจที่ถูกต้องตามกฎหมายมักจะมีอัตราผลตอบแทนที่เป็นไปตามตลาดและต้องการความอดทนในการทำกำไร เช่น ผลตอบแทนประมาณ5-7%ต่อปี

3. ค่าธรรมเนียมการเข้าร่วมสูงเกินไป

หากต้องจ่ายค่าธรรมเนียมในการสมัครเข้าร่วมสูงมาก หรือมีค่าใช้จ่ายแฝงอื่น ๆ ซึ่งไม่สอดคล้องกับมูลค่าของสินค้าและบริการ ก็อาจเป็นอีกสัญญาณหนึ่งของแชร์ลูกโซ่ ธุรกิจขายตรงที่แท้จริงควรมีค่าสมัครสมาชิกในอัตราที่เหมาะสมและไม่มีค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น

4. สินค้าหรือบริการไม่มีคุณภาพหรือมีราคาแพงเกินจริง

แชร์ลูกโซ่บางแห่งใช้สินค้าที่ไม่มีคุณภาพ หรือกำหนดราคาสินค้าสูงเกินไป เพื่อบีบให้สมาชิกขายได้ยาก และใช้วิธีการเน้นหาสมาชิกเพิ่มแทน หากสินค้าหรือบริการที่นำเสนอไม่มีประโยชน์ชัดเจน หรือมีราคาที่ไม่สมเหตุสมผล ควรตั้งข้อสงสัย

5. การขาดแผนธุรกิจที่ชัดเจน

ธุรกิจขายตรงที่ถูกต้องตามกฎหมายมักจะมีแผนธุรกิจที่ชัดเจนและโปร่งใส ขณะที่แชร์ลูกโซ่มักจะไม่มีข้อมูลที่ชัดเจนเกี่ยวกับผลิตภัณฑ์หรือบริการ หรือแผนการตลาดที่เข้าใจได้ง่าย และมักจะหลีกเลี่ยงการให้ข้อมูลที่สำคัญเกี่ยวกับบริษัทหรือผู้บริหาร

6. ใช้แรงกดดันในการตัดสินใจเข้าร่วม

แชร์ลูกโซ่มักจะใช้วิธีการกดดันให้ผู้ที่สนใจต้องรีบตัดสินใจ โดยอ้างว่าถ้าตัดสินใจช้าจะเสียโอกาสหรือไม่ได้รับผลตอบแทนตามที่กล่าวอ้าง ซึ่งเป็นการหลอกล่อให้ตกหลุมพรางโดยไม่มีเวลาคิดทบทวน

7. อ้างอิงถึงบุคคลหรือข้อมูลที่ไม่น่าเชื่อถือ

แชร์ลูกโซ่บางแห่งจะใช้ข้อมูลหรือบุคคลที่ไม่มีความน่าเชื่อถือ เช่น การกล่าวอ้างว่าผู้มีชื่อเสียงหรือนักลงทุนที่มีชื่อเสียงร่วมลงทุนด้วย แต่เมื่อสืบค้นดูแล้วกลับพบว่าข้อมูลนั้นเป็นเท็จ หรือบุคคลที่กล่าวถึงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับธุรกิจนั้นจริง ๆ หรืออาจมีดาราไปร่วมลงทุนจริง แต่ดาราคนนั้นถูกหลอกมาอีกที หรือดาราคนนั้นอาจเป็นตัวตั้งตัวตีในการหลอกเองเลยก็ได้

วิธีป้องกันตนเองจากแชร์ลูกโซ่

  1. ตรวจสอบใบอนุญาต: ธุรกิจขายตรงในประเทศไทยต้องจดทะเบียนกับสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) หากธุรกิจนั้นไม่มีใบอนุญาต ควรหลีกเลี่ยง
  2. ศึกษาให้ละเอียด: ควรศึกษาข้อมูลของธุรกิจอย่างรอบคอบ ตรวจสอบความน่าเชื่อถือ และไม่ควรรีบตัดสินใจจากคำชักชวน
  3. อย่าเชื่อในผลตอบแทนสูงในระยะสั้น: ธุรกิจที่โปร่งใสจะไม่สัญญาผลตอบแทนที่สูงและรวดเร็ว
  4. ปรึกษาผู้เชี่ยวชาญ: หากไม่แน่ใจ สามารถปรึกษาผู้เชี่ยวชาญด้านการลงทุนหรือสอบถามความคิดเห็นจากคนใกล้ชิด

การรู้วิธีสังเกตธุรกิจแชร์ลูกโซ่ที่แฝงมากับการขายตรงจะช่วยให้เราปลอดภัยจากการถูกหลอกลวงและสามารถตัดสินใจลงทุนได้อย่างมีสติ หวังว่าบทความนี้จะช่วยให้คุณมีความรู้และทักษะในการป้องกันตัวจากกลโกงในวงการธุรกิจ

สั่งซื้ออีบุ๊คได้ที่ https://peyconsulting.com/shop/

เป้ แนะแนว
เป้ แนะแนว

เป้ แนะแนวจบปริญญาตรีจากคณะบัญชี จุฬาฯ มีประสบการณ์ทำงานด้านไอทีออดิทมากว่าสิบปีในบริษัทบิ๊กโฟร์อย่าง KPMG กับ Deloitte จนเป็น Certified Information Systems Auditor (CISA) เคยเป็นทหารเกณฑ์ ปัจจุบันเป็นเน็ตไอดอลช่องติ๊กต่อกเป้ แนะแนวการศึกษาและอาชีพ และเจ้าของเพจรีวิวซีรีส์เกาหลีอย่าง Netflix Addict

Articles: 63

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *