ถ้าใครอ่านข่าวสุดฮอตในโลกโซเชียลในช่วงนี้ คงไม่พ้นข่าวดราม่าปลาหมอคางดำระบาดในประเทศไทยจนสัตว์น้ำประจำถิ่นมีความเสี่ยงที่จะสูญพันธุ์ไปเลย กับข่าวทุนจีนที่เข้ามารุกหนักในไทยจนผู้ประกอบการไทยใกล้ตายเต็มที ก็น่ากังวลไม่แพ้กัน
แล้วปลาหมอคางดำกับทุนจีน ใครน่ากลัวกว่ากัน?
ถ้าใครเคยเล่นเกม Resident Evil หรือผีชีวะ จะต้องคุ้นเคยกับบริษัทอัมเบรล่า คอร์ปเปอร์เรชัน ที่เป็นต้นตอในการปล่อยไวรัสในเมืองแรคคูนซิตี้จนคนในเมืองติดเชื้อซอมบี้กันหมด เป้าหมายของบริษัทคือการขายแอนตี้ไวรัสให้รัฐบาลนั่นเองเหตุการณ์ปลาหมอคางดำที่เกิดขึ้น ทำให้ผมนึกถึงเกมนี้ขึ้นมาเลย
ปลาหมอคางดำ ถือเป็นสายพันธุ์ต่างถิ่นที่รุกรานแหล่งน้ำไทย ได้สร้างผลกระทบอย่างรุนแรงต่อระบบนิเวศ มันเบียดเบียนสายพันธุ์สัตว์น้ำพื้นเมือง กินทั้งไข่และลูกปลาชนิดอื่น รวมถึงตัวอ่อนของกุ้ง หอย และปู ด้วย ส่งผลให้ความหลากหลายทางชีวภาพลดลง
ตามปกติปลาหมอคางดำตัวผู้มันจะอมลูกปลาไว้ในปาก ด้วยความดุร้ายของตัวผู้ ทำให้ศัตรูของมัน กำจัดมันยากกว่าปลาหมอคางดำเพศเมียที่มีความดุร้ายน้อยกว่า ทำให้อัตราการขยายพันธุ์ของมันสูงเป็นทวีคูณ ว่ากันว่า ปลาหมอคางดำ1คู่ สามารถให้กำเนิดลูกปลามากถึง6ล้านตัวใน1ปี ใครที่คิดเลขเก่งก็ลองคำนวณดูว่าปีนึงจะมีปลาหมอคางดำกี่ตัวในน่านน้ำไทย
มันทำให้หลายคนผุดไอเดียในการกำจัดปลาหมอคางดำ เช่น แก้กฎหมายให้ช็อตไฟฟ้าได้ หรือให้รางวัลคนจับเป็นเงิน หรือเอาปลากระพงขาวมาปล่อยเพื่อล่า
ในทำนองเดียวกัน ทุนจีนที่หลั่งไหลเข้ามาในประเทศไทยอย่างรวดเร็ว ก็สร้างความกังวลว่าอาจส่งผลกระทบต่อผู้ประกอบการท้องถิ่นและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ
ทั้งสองกรณีนี้มีลักษณะการแพร่กระจายที่รวดเร็วและยากต่อการควบคุม ปลาหมอคางดำมีความสามารถในการปรับตัวสูง ขยายพันธุ์เร็ว และทนทานต่อสภาพแวดล้อมที่หลากหลาย แม้แต่น้ำกร่อยกับน้ำเน่า มันยังอยู่ได้เลย ในขณะที่ทุนจีนก็มีความคล่องตัวสูง สามารถเข้าถึงหลากหลายภาคส่วนของเศรษฐกิจไทย ตั้งแต่ธุรกิจไก่ทอด ไอติม รถอีวี ห้างค้าปลีก ยาวไปจนถึงเรื่องโซเชียลคอมเมิร์ซ
ยังไงก็แล้วแต่ การเปรียบเทียบนี้ไม่ได้หมายความว่าทุนจีนเป็นภัยคุกคามเสมอไป เม็ดเงินลงทุนจากต่างชาติสามารถนำมาซึ่งการพัฒนาและโอกาสทางเศรษฐกิจ ถ้าบริษัทแข่งกันลดราคาสินค้า ผู้บริโภคก็จะได้ประโยชน์ แต่สิ่งสำคัญคือการมีมาตรการควบคุมและกำกับดูแลที่เหมาะสม เพื่อให้เกิดประโยชน์สูงสุดต่อประเทศ เนื่องจากทุนจีนมักมีต้นทุนการผลิตที่ต่ำกว่าผู้ประกอบการไทย ทำให้ผู้ประกอบการไทยทยอยเจ๊งทีละเจ้าสองเจ้า และมันจะทำให้ทุนจีนชนะในระยะยาว อีกหน่อยบริษัทต่างๆในไทยจะเป็นทุนจีนเกือบหมด
มาถึงตอนนี้ เรายังไม่เห็นมาตรการของรัฐบาลในการสกัดกั้นทุนจีนอย่างเป็นรูปธรรมเลย อย่างคนไทยต้องเสียภาษีเงินได้จากการขายของผ่านแอปจีน ในขณะที่คนจีนกลับไม่ต้องเสียภาษีแม้แต่บาทเดียว
ดูเหมือนทุนจีนจะน่ากลัวกว่าปลาหมอคางดำ เพราะเรายังไม่เห็นท่าทีของรัฐบาลในการตระหนักถึงปัญหาที่เกิดขึ้น
ในท้ายที่สุด ทั้งกรณีของปลาหมอคางดำและทุนจีน สะท้อนให้เห็นถึงความจำเป็นในการเฝ้าระวังและบริหารจัดการการเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็ว ไม่ว่าจะเป็นในด้านสิ่งแวดล้อมหรือเศรษฐกิจ เพื่อรักษาสมดุลและความยั่งยืนของประเทศในระยะยาว