เมื่อ2วันที่ผ่านมา สงครามพิซซ่า ในประเทศไทยกลับมาร้อนระอุอีกครั้ง เมื่อ The Pizza Company และ Pizza Hut สองยักษ์ใหญ่ในวงการอาหารฟาสต์ฟู้ด ต่างงัดกลยุทธ์เด็ดผ่านโปรโมชั่นสะเทือนวงการด้วย พิซซ่าถาดกลางราคา 99 บาท และ 98 บาท ตามลำดับ
แต่ใครจะครองใจลูกค้าได้มากกว่ากัน? มาลองวิเคราะห์กลยุทธ์การตลาดของทั้งสองค่ายกัน
1. เริ่มก่อนกลับเสียเปรียบ:
- The Pizza Company: เป็นคนเปิดเกมก่อนด้วยโปรพิซซ่าถาดกลางราคา 99 บาท ทำให้คนแห่ไปต่อคิวที่ร้านจนกลายเป็นคอนเทนต์ไวรัลในโซเชียลมีเดีย แต่จู่ๆก็เกิดดราม่ามากมาย มีกรณีที่ไรเดอร์รับหิ้วพิซซ่าคนเดียว100ถาด และมีกรณีที่มีคนรอหลายชั่วโมงถึงจะได้สินค้า ข้อดีของการตลาดแบบนี้คือ ลูกค้ารู้สึกคุ้มค่า แต่สิ่งที่ท้าทายคือ เกิดการตั้งคำถามของลูกค้าว่าทางร้านควรจะจำกัดจำนวนการรับออเดอร์ต่อคนหรือไม่
- Pizza Hut: หั่นราคาสู้ ด้วยราคาที่ถูกกว่า1บาทคือ 98 บาท และแก้เกมด้วยการให้ลูกค้าสั่งพิซซ่าล่วงหน้า1-2วันผ่านแอปหรือเว็บไซต์ เพราะเห็นดราม่าที่เกิดขึ้นตามโลกโซเชียลของ The Pizza Company แต่ก็แลกมาด้วยปัญหาแอปล่มเพราะคนแห่กันจองรัวๆ
- แต่ทาง The Pizza Company ก็ออกมาแก้เกมว่า ‘ถึงโปรจะลอกได้ แต่ความอร่อยลอกไม่ได้’ 555
2. กลยุทธ์ราคา:
- การตั้งราคาต่ำชั่วคราว หรือการยอมเฉือนกำไรออกของทั้งสองแบรนด์ ถือเป็นการโฆษณาผ่านโซเชียลมีเดียที่ได้ผล เทียบกับการโฆษณาตรงผ่านช่องทางอื่นๆ ถือว่าเป็นการลงทุนที่ฉลาดพอสมควร
3. การแย่งชิงส่วนแบ่งตลาด:
- ดูเหมือนพิซซ่าลำดับที่3และ4 จะเสียเปรียบ และถูก2เจ้าใหญ่แย่งชิงส่วนแบ่งตลาดไปเรื่อยๆ น่าติดตามว่าอนาคตของวงการพิซซ่าจะเป็นยังไงต่อไป
- แฟนคลับของ Domino Pizza กำลังจับตามองโปรลับของค่ายนี้เช่นกันว่าจะออกมาสู้กับเค้ามั้ย
4. การตลาดเกาะกระแส:
- Sizzler: ในจังหวะที่สงครามพิซซ่าร้อนระอุ ทาง SizzlerThai ก็ไม่น้อยหน้า ออกมาโพสต์ในเพจว่า ‘กินแป้งเยอะๆ กินผักบ้างนะ เดินเข้า Sizzler เล่อะ’ 555
- เนื้อแท้: ร้านเนื้อแท้ของบังโต Silly Fools ก็ไม่น้อยหน้า ออกมาโพสต์ในเพจว่า ‘โปรทุบราคายังเบาไป จัดไปโปรโมชั่นทุบบังโต จุกๆ เนื้อสไลซ์ออสเตรเลีย หน้าร้านเนื้อแท้ ลดราคาจาก 149 บาท เหลือแพ็คละ 89 บาท วันเดียวเท่านั้น’
- ผมในฐานะ content creator ที่มีผู้ติดตามหลักแสนถึง2ช่องทางก็เคยใช้วิธีการคล้ายๆแบบนี้ เนื่องจากการตลาดแบบเกาะกระแสทำให้คนแชร์คอนเทนต์เราออกไปเยอะมาก บางทียอดแชร์พุ่งสูงถึงพันแชร์เลยทีเดียว
ผลลัพธ์:
ดูเหมือนทั้งสองค่ายน่าจะประสบความสำเร็จจากการออกโปรโมชั่นนี้มา แต่ทว่า ผลลัพธ์ที่แท้จริงขึ้นอยู่กับปัจจัยอื่นๆ ด้วย เช่น รสชาติ บริการ บรรยากาศของแต่ละร้าน ultimately แล้ว ผู้บริโภคจะเป็นคนตัดสินใจว่า ใครคือผู้ชนะในศึกพิซซ่าราคาประหยัดครั้งนี้
นอกจากนี้ ยังมีประเด็นน่าสนใจอื่นๆ ดังนี้
- กลยุทธ์ราคาแบบนี้จะส่งผลต่อภาพลักษณ์ของแบรนด์ในระยะยาวอย่างไร?
- ร้านพิซซ่าแบรนด์อื่นๆ จะใช้วิธีการแข่งขันแบบไหน?
- ผู้บริโภคจะได้รับประโยชน์อะไรจากโปรโมชั่นเหล่านี้?
สงครามพิซซ่า ครั้งนี้ยังคงน่าติดตาม และเชื่อว่า ทั้ง The Pizza Company และ Pizza Hut คงมีกลยุทธ์เด็ดๆ ออกมาเร้าใจลูกค้าอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผู้บริโภค ก็ถือเป็นโอกาสทองในการลิ้มลองพิซซ่าอร่อยๆ ในราคาประหยัด อย่าลืมติดตามโปรโมชั่นดีๆ จากทั้งสองค่ายกันนะครับ
จบการตลาด ทำอาชีพอะไรที่ใช้ต่อยอดธุรกิจได้?
สั่งซื้ออีบุ๊ค: