การที่เด็กมหาลัยจะได้ฝึกงานออดิทในบริษัทบิ๊กโฟร์ไม่ใช่เรื่องง่ายเลย ผมเพิ่งได้คุยกับน้องคนนึงที่กำลังเรียนอยู่ชั้นปี3 คณะบัญชี ม.ธรรมศาสตร์ ปรากฎว่าเกณฑ์ในการรับเด็กฝึกงานออดิทในบริษัทบิ๊กโฟร์ในตอนนี้คือ คุณจะต้องมีเกรดเฉลี่ยสะสมตอนอยู่ชั้นปี3 ตั้งแต่ 3.00 ขึ้นไปเป็นอย่างน้อย แน่นอนว่าใครที่ได้ 2.9 กว่าๆ ก็ยังมีโอกาส แต่ถ้าใครเกรดต่ำกว่านี้จะโดนโยนเรซูเม่ทิ้งทันที
กิจกรรมโรดโชว์ของบิ๊กโฟร์
ทุกวันนี้มีเด็กคณะบัญชีหลายคนพลาดโอกาสทองตอนเรียนอยู่ชั้นปี2 เพราะไม่ค่อยใส่ใจเรื่องราวรอบตัวมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากบริษัทบิ๊กโฟร์มักจะมีการจัดกิจกรรมโรดโชว์ที่มหาลัยชั้นนำ เช่น จุฬาฯ ธรรมศาสตร์ เกษตร และเอแบค เป็นประจำทุกปี
มันคือการที่บริษัทบิ๊กโฟร์เดินทางไปที่มหาลัยเหล่านี้ถึงที่เลยเพื่อไปพูดคุยกับเด็กโดยตรง แต่ในช่วงวิกฤตโควิดที่ผ่านมา มันเป็นเหมือนไฟท์บังคับที่บริษัทบิ๊กโฟร์ต้องจัดกิจกรรมโรดโชว์ผ่านทางออนไลน์เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัส ซึ่งหลังจากโควิดซาแล้ว บริษัทบิ๊กโฟร์บางที่ก็ยังมีการจัดโรดโชว์ออนไลน์อย่างต่อเนื่องมาถึงปัจจุบัน เนื่องจากพบว่ามันช่วยประหยัดต้นทุนในทางเดินทาง และการจัดกิจกรรมพอสมควรสำหรับมหาลัยที่ตั้งอยู่ห่างจากกทม.
ในระหว่างกิจกรรมโรดโชว์ จะมีการเปิดรับสมัครเด็กบัญชีปี2 ให้มาเป็นแอมบาสเดอร์ (แอมฯ) ให้กับบริษัทบิ๊กโฟร์
‘แอมบาสเดอร์’ แปลเป็นภาษาไทยว่า ‘ทูต’ หน้าที่ของทูตคือ การเชื่อมความสัมพันธ์ระหว่างเด็กมหาลัยกับบริษัทบิ๊กโฟร์ เช่น นำเสนอข้อดีของบริษัทบิ๊กโฟร์ให้เด็กมหาลัยเหล่านี้อยากมาทำงานด้วย หรือเรียกเป็นภาษาวัยรุ่นว่า ‘การป้ายยา’ นั่นเอง
เด็กปี2 ที่ได้เป็นแอมฯ จะได้ไปทำคลิปป้ายยาที่บริษัทบิ๊กโฟร์ เช่น เดินไปถ่ายรูปกับตู้ไอติมแล้วโปรโมทว่าบริษัทเรามีตู้ไอติมให้พนักงานกินฟรีไม่อั้นด้วย เป้าหมายคือการพารุ่นน้องในคณะบัญชีมาสมัครงานกับบริษัทบิ๊กโฟร์เยอะๆ ถ้าแอมคนไหนทำงานเข้าตา บริษัทบิ๊กโฟร์จะยื่นข้อเสนอให้แอมคนนี้ ได้ฝึกงานออดิทกับบริษัทบิ๊กโฟร์ตอนเรียนจบชั้นปี3 ทันที ซึ่งถือว่าสบายมาก เพราะเด็กคนนี้ไม่ต้องไปแก่งแย่งชิงดีกับเด็กปี3คนอื่นๆ ตามขั้นตอนการขอฝึกงานตามปกติซึ่งคัดคนกันเข้มข้นมาก
เด็กฝึกงานออดิทในบริษัทบิ๊กโฟร์ต้องเตรียมตัวยังไงบ้าง?
เด็กฝึกงานออดิทในบริษัทบิ๊กโฟร์ถือว่ามีบทบาทสำคัญในการช่วยพี่อินชาจ ทำงานประจำวันให้ราบรื่น ประสบการณ์ฝึกงานถือว่ามีค่ามาก เพราะถ้าใครผ่านการฝึกงานแล้ว โอกาสที่จะได้ทำงานตอนเรียนจบทันทีถือว่ามีสูงมาก ซึ่งเด็กฝึกงานต้องเตรียมตัว ดังนี้:
1. ฝึกใช้คำสั่ง Excel:
- คำสั่ง Excel เช่น VLOOKUP, SUM IF, PIVOT CHART เป็นสิ่งที่เด็กฝึกงานต้องไปศึกษามาล่วงหน้าเพราะมันต้องใช้เยอะมาก
- พี่อินชาจจะให้เราใช้คำสั่ง Excel เหล่านี้เพื่อจัดการข้อมูลเพื่อสุ่มเอกสารมา Vouching
2. การออกปากเสนอตัวช่วยงานพี่อินชาจ:
- เด็กฝึกงานจำนวนมากพอมองเวลาบนนาฬิกาว่าตอนนี้6โมงเย็นแล้ว นึกในใจว่า ได้เวลากลับบ้านแล้ว Shut Down คอมดีกว่า โดยไม่ถามพี่อินชาจแม้แต่คำเดียวว่ามีอะไรให้หนูช่วยมั้ย อันนี้ถือว่าติด Black List ทันที
- ต่อเราทำช่วยงานพี่อินชาจมาทั้งวัน จนเคลียร์งานของตัวเองเรียบร้อยแล้ว และตอนนี้เวลาสองทุ่มแล้ว เราก็ควรจะแสดงน้ำใจโดยการออกปากเสนอตัวช่วยงานพี่อินชาจด้วย ต่อให้ต้องเลิกงานตี2ในบางช่วง มันก็ถือว่าคุ้มค่า เพราะจะทำให้เราดูเป็นคนดีในสายตาของพี่เค้า
- พี่อินชาจดูออกว่าเด็กคนไหนขี้เกียจ เด็กคนไหนขยัน เด็กคนไหนเหลี่ยม เพราะพี่อินชาจหลายคนก็เคยเป็นเด็กฝึกงานมาก่อนหน้านี้
- เด็กฝึกงานบางคนอาจโชคดีได้ทำงานของพี่อินชาจตอนช่วง Year End เพราะพี่อินชาจยุ่งมาก ต้องกระโดดไปมาระหว่างลูกค้า2-3รายในสัปดาห์เดียวกัน พี่อินชาจเลยมอบหมายให้น้องฝึกงานทำ Working Paper 5วงจรหลักซึ่งถือว่าเป็นโอกาสพัฒนาตัวเองที่หายากทีเดียว
- การรู้จักสังเกตพี่อินชาจเป็นเรื่องสำคัญ เช่น ถ้าพี่เค้าดูเหนื่อยหรือง่วงนอน เราอาจเสนอตัวไปซื้อกาแฟใต้ตึกออฟฟิศให้ทีมงาน เราจะได้ใจพี่เค้าไปเลยเพราะเราเป็นคนรู้จักใส่ใจคนอื่น
3. การสื่อสารกับคนที่บ้าน:
- เนื่องจากงานออดิท โดยเฉพาะงานสอบบัญชี เป็นงานที่ต้องกลับบ้านตี2 ในช่วง Year End ต่อเนื่องกันนานหลายวัน แม้แต่เด็กฝึกงานก็ไม่เว้น ซึ่งน้องฝึกงานผู้หญิงบางคนไม่รู้ว่าต้องกลับบ้านดึกขนาดนี้ ทำให้พ่อแม่ของน้องรู้สึกเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัย บางคนขับรถมาจอดเพื่อรอรับลูกหน้าบริษัทลูกค้าเลยก็มี
- การสื่อสารกับคนที่บ้านให้เข้าใจในธรรมชาติของอาชีพนี้เป็นเรื่องสำคัญ เพราะถ้าสื่อสารไม่ดีอาจทำให้เกิดการกระทบกระทั่งกันได้ในครอบครัว
4. การแต่งกายที่เหมาะสม:
- Dress Code เป็นเรื่องสำคัญ เนื่องจากลูกค้าของบริษัทบิ๊กโฟร์จำนวนมากเป็นบริษัทยักษ์ใหญ่ที่จดทะเบียนในตลาดหุ้นไทย การแต่งกายที่เหมาะสมตามวัฒนธรรมองค์กรของลูกค้าเป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ
- ควรสอบถามพี่อินชาจในรายละเอียดว่าถ้าจะไปออกลูกค้าจ็อบนี้ เราควรแต่งตัวยังไง เช่น เสื้อผ้า และรองเท้า
- ถ้าเราแต่งตัวไม่เรียบร้อย ในขณะที่ลูกค้าทุกคนใส่สูทหมด มันจะมีผลต่อภาพลักษณ์ของออดิททั้งทีมและบริษัท เรียกว่าปลาเน่าตัวเดียวตายทั้งข้อง
ประโยชน์ของการฝึกงานออดิทในบริษัทบิ๊กโฟร์:
- ได้รับประสบการณ์การทำงานจริงในบริษัทชั้นนำระดับโลก
- ได้เรียนรู้เกี่ยวกับกระบวนการตรวจสอบบัญชีเบื้องต้น
- พัฒนาทักษะที่จำเป็นสำหรับออดิท
- สร้างเครือข่ายกับลูกค้า
- เพิ่มโอกาสในการได้งานถาวรกับบริษัทบิ๊กโฟร์
เด็กฝึกงานที่เหมาะสมกับงานนี้:
- กำลังศึกษาในระดับปริญญาตรีสาขาบัญชี
- มีผลการเรียนดี เกรดเฉลี่ยสะสมตั้งแต่3.00ขึ้นไป
- สนใจในงานด้านการตรวจสอบบัญชี หรือไอทีออดิท
- มีทักษะการวิเคราะห์และแก้ปัญหาที่ดี
- มีทักษะการสื่อสารที่มีประสิทธิภาพ
- มีทักษะการทำงานเป็นทีม
- มีทักษะการค้นคว้าข้อมูล
- มีความใส่ใจรายละเอียด
- มีความมีวินัยและความรับผิดชอบ
การฝึกงานออดิทในบริษัทบิ๊กโฟร์ เป็นประสบการณ์อันล้ำค่าสำหรับเด็กปี3หรือปี4 ที่สนใจในสายงานบัญชี เด็กฝึกงานจะได้รับโอกาสเรียนรู้ทักษะที่จำเป็น สร้างประสบการณ์การทำงานจริง และสร้างเครือข่ายกับลูกค้า ซึ่งล้วนเป็นประโยชน์ต่ออนาคตทางการงาน
น้องฝึกงานออดิทเค้าให้ทำอะไรบ้าง?
สั่งซื้ออีบุ๊ค: